หุ้น AI หรือ Artificial Intelligence ที่น่าสนใจในปี 2023 Artificial Intelligence หรือชื่อเต็ม ๆ ภาษาไทยว่า “ปัญญาประดิษฐ์” โดยหลังจากนี้จะเรียกสั้น ๆ ว่า “AI” กำลังอยู่ในช่วงเวลาของการแข่งขันที่ดุเดือด บริษัทและประเทศต่าง ๆ พยายามพัฒนา AI ให้สามารถทำงานยาก ๆ แทนมนุษย์ได้ โดยเฉพาะงานด้านการวิเคราะห์และประมวลผล
แน่นอนว่าใน Wall Street มีกลุ่ม “หุ้น AI” ที่กำลังเติบโตในอัตราที่น่าประทับใจ เนื่องจากมีการนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมดั้งเดิมได้จริง หรือมักจะได้ยินคำว่า โปรเจคที่มี “Use Case จริง ๆ” และดูเหมือนว่าขีดจำกัดของ AI จะขยายออกเรื่อย ๆ จนเป้าหมายสูงสุดคือให้มันสามารถปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์
สหรัฐฯ และจีน กำลังเป็นผู้นำในเม็ดเงินที่ลงทุนด้าน AI หรือกรณีตัวอย่างจากอังกฤษที่ลงทุนด้าน AI ครั้งละมากกว่าหลักพันล้านดอลลาร์ – ศักยภาพของ AI ทำให้ยักษ์ใหญ่ทั่วไปต่างมองเห็นโอกาสทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ธุรกิจ และต่อไปนี้ คือ “หุ้น AI” ที่น่าจับตามองในปี 2023
ลงทุนหุ้น AI ต้องพิจารณาอะไรก่อน?
ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้น AI มีข้อควรจำหลายข้อ บทความนี้เพียงปูแนวคิดภาพรวมคร่าว ๆ ที่นักลงทุนควรพิจารณาเท่านั้น ซึ่งอาจมีประเด็นดังต่อไปนี้
ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหุ้น AI
หุ้น AI มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์สามารถใช้งานได้ในหลาย ๆ ภาคส่วนทั้งรัฐและเอกชน ความเสี่ยงจากเกิดจากปัญหาในทางข้อกฎหมาย
ตัวอย่างของ DeepMind บริษัทที่ Google เป็นเจ้าของในขณะนี้ ประสบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาลไปกับการวิจัยและจ้างทรัพยากรบุคคลในระดับหัวกะทิไว้จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศ เช่นในปี 2016 เกี่ยวกับข้อตกลงในการแบ่งปันข้อมูลกับ National Health Service ของสหราชอาณาจักร
ยิ่ง AI กำลังจะแก้ปัญหาที่ยิ่งใหญ่มากเท่าไร ก็มักจะยิ่งต้องเจอ “การควบคุม” ที่เข้มข้นจากผู้มีอำนาจในรัฐหนึ่ง ๆ เพราะ AI เข้าไปเกี่ยวกับข้องกับข้อมูลมหาศาล ซึ่งประเทศโดยเฉพาะในโซนยุโรปจะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลต่าง ๆ ไว้เข้มงวดมาก จนทำให้บ่อยครั้งเกิด Hidden Cost ที่คาดไม่ถึงที่เป็นค่าใช้จ่ายมาจากฝั่งองค์กำกับดูแล ซึ่งรวมถึงค่าปรับที่โดนกันบ่อย ๆ
ทางเลือกที่ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาหุ้น อาจเป็นการเลือกหุ้น AI ที่เน้นพัฒนาเฉพาะทางมาก ๆ และไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับข้อมูลสาธารณะมาก ๆ เช่น หุ้น AI ที่พัฒนาด้านเกม, การพัฒนาระบบ Chat อย่างไรก็ตาม หากเป็น AI ที่อาจต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลบ้าง แต่เป็นเพื่อการพัฒนาเพื่อมนุษยชาติ ก็จัดว่า “น่าสนใจ” เช่น AI ที่มุ่นเน้นด้านการแพทย์ล้วน ๆ
เลือกอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ AI
• ทุกอุตสาหกรรมมีแนวโน้มต้องใช้ AI มาพัฒนาขีดจำกัดของธุรกิจ แต่จะไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน และไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมที่จะใช้งาน AI อย่างแข็งขัน
• บริษัทที่พัฒนา AI กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก และมีความหลากหลายของอุตสาหกรรมที่กำลังมุ่งจะแก้ปัญหา ตั้งแต่การแพทย์, ภาคยานยนต์ และการผลิตทั่วไป
ภาค Healthcare จะได้รับประโยชน์อย่างมาก เนื่องจาก AI จะถูกใช้ในการวินิจฉัยโรคและการดูแลผู้ป่วย และจะถูกนำมาใช้ในการค้นพบยาตัวใหม่ด้วย แน่นอนว่า ประเด็นนี้อย่าลืมเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล เพราะหากจัดการไม่ดี จะกลายเป็นผลร้ายแรงต่อหุ้น AI นั้น ๆ
Big Data in Artificial Intelligence
• AI ทำงานกับข้อมูล ข้อมูลที่ดีจะเป็นเชื้อเพลิงคุณภาพดีในการขับเคลื่อนระบบ AI ทั้งหมด
• AI ที่ได้รับ “ข้อมูลคุณภาพดี” มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่า
• เป็นเหตุผลที่ใคร ๆ ก็ว่า ข้อมูลเป็นเหมือน “น้ำมัน” แห่งโลกยุคข้อมูลข่าวสาร
บริษัท AI ที่มีชุดข้อมูลเฉพาะ (Unique Data) มีโอกาสที่ดีกว่าในการพัฒนา AI ในระดับสูง
เรื่องนี้เราอาจนึกถึง Google ซึ่งเป็นเสิร์ชเอ็นจิ้นที่ใหญ่ที่สุด ทำให้มีข้อมูลที่อาจมีคุณภาพดีจำนวนมากอยู่ในมือ ทำให้สามารถสร้างระบบ AI ที่ไม่เหมือนใคร บางทีในช่วงหลังเราอาจรู้สึกว่าทำไม Google Translate ถึงทำงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นผลจาก AI เช่นเดียวกัน
บริษัทที่มีข้อมูลอยู่ในมือดูเหมือนจะได้เปรียบที่สุด แต่นั่นก็ต้องหมายถึง บริษัทเหล่านั้นมีทรัพยากรบุคคลที่เชี่ยวชาญ AI อยู่ในมือด้วย ตัวอย่างนี้เห็นได้ชัดจาก Google และอีกบริษัท คือ Amazon ที่ใช้ AI ในการติดตามรูปแบบการซื้อของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของพวกเขา
คุณรู้หรือไม่ว่า Admirals ได้นำเสนอแพลตฟอร์มการเทรดอันดับ 1 ที่สามารถเข้าถึงตราสารทางการเงินที่หลากหลายจากตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ที่สำคัญคือ FREE!
เทรดเดอร์สามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์กราฟที่ทรงพลังของ MetaTrader 5 อัปเดตข้อมูลตลาดและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ และลูกเล่นอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรดของคุณ คลิกที่แบนเนอร์ด้านล่างและดาวน์โหลดได้ฟรีทันที!
หุ้น AI ที่น่าจับตามองในปี 2023
สำหรับบริษัทที่เป็นที่รู้จักในภาค AI นั้นมีบริษัทหลายประเภท แต่ผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีมาก่อนเป็นส่วนใหญ่
โดยบริษัทในกลุ่มแรกที่เราจะพูดถึง จะเป็นบริษัทที่องค์ประกอบคือ “มีข้อมูลจำนวนมหาศาลอยู่แล้ว” + “มีทรัพยากรบุคคลของตัวเอง” ที่จะสร้างระบบ AI ขึ้นมาได้
Google (GOOG)
• Google Cloud วางแผนที่จะให้ทุกคนเข้าถึง AI โดยลดข้อกำหนดด้านข้อมูล
Amazon (AMZN)
• Amazon’s AWS Services ของ Amazon เปิดให้ผู้ใช้สามารถรันโปรเจค Machine Learning และบริการ AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำมาก ๆ สำหรับองค์กรทั่ว ๆ ไป
IBM (IBM)
• คุณยังจำคอมพิวเตอร์ Watson 2010 ของ IBM ได้ไหม? แพลตฟอร์ม AI อยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อช่วยเหลือด้านการดูแลสุขภาพ (Heathcare) การพัฒนาวิธีการสื่อสารในการทำงาน การโฆษณา และอื่นๆ
Microsoft (MSFT)
• ก็อย่างที่คาดการณ์กันไว้ Microsoft กำลังรวมฐานข้อมูลสำหรับการพัฒนา AI จากทุก ๆ มุมเท่าที่เป็นไปได้ – ซึ่ง Microsoft มีฐานข้อมูลผู้ใช้งานแอป และโครงการต่าง ๆ ทั้งธุรกิจและการกุศล
Meta – ชื่อเดิม Facebook (FB)
• ไม่ต้องแปลกใจเลยที่มีชื่อ FB รวมอยู่ในกลุ่ม เพราะแพลตฟอร์มของ Facebook ก็รวมเอาความสามารถต่าง ๆ ของ AI เข้าไว้ด้วยกัน ฝึกเครื่องจักรสามารถคิดและทำงานได้ในลักษณะเดียวกันกับมนุษย์ ทั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ในเรื่องการโฆษณาใน Facebook นั่นเอง
กำลังมีบริษัทจำนวนมากที่เป็นทั้งบริษัทเกิดใหม่หรือเป็นเจ้าเก่าที่อยู่มานานแล้ว แต่ทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปทางธุรกิจ AI แต่หลัก ๆ มักเริ่มจากภาคการขนส่ง การแพทย์ เนื่องจากมีเม็ดเงินรออยู่มากกว่าภาคส่วนอื่น ๆ