บริการซ่อมบำรุงอาคาร: รู้ไว้ใช่ว่า ไฟตก สร้างปัญหาให้มากกว่าที่เราคิด หากเจอปัญหา ไฟตกบ่อย สิ่งที่จะตามมาในภายหลังก็คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมีปัญหา เนื่องด้วยแรงดันไฟฟ้าไม่มีความสม่ำเสมอ ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ วงจรไฟฟ้าภายในเครื่องเกิดความเสียหาย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็อาจทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่าง ๆ สั้นลง บางครั้งอาจถึงขั้นพังไปเลยก็ได้ โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ ทีวี ตู้เย็น และคอมพิวเตอร์ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าตลอดเวลาในการทำงาน
นอกจากนี้ เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้านเกิดปัญหา ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอย่างเท่าที่ควรจะเป็น ก็ทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในตัวเครื่องได้เช่นกัน ซึ่งหากไฟตก หรือไฟกระชากบ่อยเข้า ปัญหาของวงจรไฟฟ้าภายในก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ซึ่งอาจนำมาสู่สาเหตุของการเกิดไฟไหม้ได้ในอนาคต
วิธีรับมือกับปัญหา ไฟตก กับตัวช่วยชั้นดี
หากบ้านคุณเผชิญกับปัญหา ไฟกระชาก ไฟตกบ่อย หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าติด ๆ ดับ ๆ แนะนำว่าให้รีบแก้ไขปัญหาโดยด่วน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจลุกลามมากกว่าเดิม
1. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า
เมื่อเกิดไฟฟ้าตก สิ่งที่แรกที่ต้องทำก็คือ การปิดเครื่องใช้หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าก่อน โดยให้ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟในปริมาณมาก หลังจากนั้นให้สังเกตว่าแรงดันไฟฟ้าภายในบ้านกลับมาเป็นปกติหรือไม่ อาทิ หากเราปิดแอร์หรือเครื่องปรับอากาศ หลอดไฟที่สว่างน้อยในขณะนั้นกลับมาสว่างปกติหรือไม่ หากกลับมาสว่างมากกว่าเดิม แสดงว่าสาเหตุที่ไฟฟ้าตกเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ ที่เพิ่งปิดไป
2. ใช้อุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า หรือเครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ
หากไม่อยากให้บ้านเผชิญกับปัญหาไฟฟ้าตก ไฟกระชาก หรือไฟฟ้าติด ๆ ดับ ๆ ขอแนะนำให้ติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า เครื่องรักษาระดับแรงดันไฟอัตโนมัติ (Automatic Voltage Stabilizer) ที่จะคอยปรับแรงดันไฟฟ้าให้มีความสม่ำเสมอที่ 220V ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ไม่ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเสียหายจากปัญหา ไฟตกบ่อย
นอกจากนี้ ข้อดีของการใช้เครื่องสเตบิไลเซอร์ ก็คือ
– เครื่องตัดและต่อไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ เพื่อให้มีแรงดันไฟฟ้าคงที่
– ประสิทธิภาพการทำงานสูง สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องคอยนั่งเฝ้าหรือเปิด-ปิด เครื่องบ่อยครั้ง
– ทนทานต่อการกระชากได้ดี
– บ้านที่ติดตั้งเครื่องสเตบิไลเซอร์ จะสังเกตได้เลยว่า ไม่มีปัญหาไฟฟ้าตก แตกต่างจากบ้านที่ไม่ได้ติดตั้งเอาไว้
3. ใช้เครื่องสำรองไฟ (UPS)
อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาไฟฟ้าตก และไฟกระชาก นั่นก็คือ เครื่องสำรองไฟ หรือ UPS ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่นิยมใช้กับบ้านที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายชนิด โดยเฉพาะประเภทที่มีระบบการทำงานซับซ้อน อาทิ คอมพิวเตอร์ กล้อง CCTV ปั๊มน้ำ หรือแม้แต่สมาร์ททีวี ที่อาจเกิดความเสียหายได้ หากระบบไฟฟ้ามีปัญหาหรือขัดข้อง เช่น ข้อมูลสูญหาย
ข้อดีของการเลือกใช้ UPS ก็คือ เครื่องจะบอกระยะเวลาในการสำรองไฟ ทำให้เราสามารถเตรียมความพร้อมได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญคือ ตัวเครื่องมีระบบป้องกันเวลาโหลดเกิน และโหลดลัดวงจร
4. ติดตั้งหม้อเพิ่มไฟฟ้า
อีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหา ไฟตกบ่อย ก็คือ การติดตั้งหม้อเพิ่มไฟฟ้า (Step Up Transformer) โดยจะต้องใช้มือปรับด้วยตัวเอง อย่างเช่น เมื่อไฟตก ต้องไปปรับเพิ่มแรงดันให้อยู่ในระดับ 220V แต่ในกรณีที่ไฟเกิน ต้องปรับลดให้แรงดันอยู่ที่ 220V ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการใช้งานภายนอกอาคาร หรือตามจุดที่ไม่ได้มีอุปกรณ์ไฟฟ้ามากนัก เรียกง่าย ๆ ว่า เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความพร้อมในการปรับค่าแรงดันตลอดเวลา
5. เลือกใช้ปลั๊กพ่วงที่มีระบบ Serge Protection
นอกเหนือจากการติดตั้งเครื่องสำรองไฟ หรือเครื่องสเตบิไลเซอร์ ก็คือ การเลือกใช้ปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วงที่มีระบบ Serge Protection ในตัว ความพิเศษของปลั๊กไฟชนิดนี้ก็คือ จะคอยปรับค่าแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ แต่จะทำงานในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น โดยตัวปลั๊กจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อ ใช้ในบ้านที่มีการติดตั้งสายดินอย่างถูกต้อง